top of page
Search
  • whitelotus444

การเป็นพิธีกรสองภาษาจะต้องมีทักษะอะไรบ้าง

หลายคนถามแซมมี่ว่า การเป็นพิธีกรสองภาษาจะต้องมีทักษะอะไรบ้าง   วันนี้แซมมี่ขอแชร์ 3 ข้อสำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็นพิธีกรมืออาชีพ  เฉพาะภาษาไทยภาษาอังกฤษหรือทั้งสองภาษา ทักษะประเภทเดียวกันค่ะ จากประสบการณ์ส่วนตัว ตามนี้ค่ะ

1. ความเชื่อมั่น 2. การฝึกฝน 3. ไม่เลือกงาน

1. ความเชื่อมั่น จริงๆแล้วข้อนี้แซมมี่เอาไว้เป็นข้อแรก เพราะว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งแรกที่จะสามารถทำให้เราทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้คือความเชื่อมั่นว่าเราทำสิ่งๆนั้นได้ค่ะ  การเป็นพิธีกรอาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด สำหรับใครคนใดคนหนึ่ง  ถ้าหลายท่านอ่านแล้วอาจจะตกใจว่า ทั่วโลกกลัวการพูดต่อหน้าสาธารณชน เป็นอันดับแรก  ข้อมูลจาก https://www.psycom.net/  บอกว่าความกลัวนี้ส่งผลกระทบต่อคนกว่า 75% ของประชากรทั้งหมดในโลก  ดังนั้นคุณไม่ต้อง เครียดนะคะว่า  ฉันจะทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น คนอื่นก็กลัวเหมือนคุณล่ะค่ะ 555  จริงๆแล้วมันเป็น จิตวิทยาย้อนกลับ หรือ reverse psychology  ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำได้ เราก็จะทำได้  เทคนิคเล็กๆที่แซมมี่ใช้กับตัวเองตั้งแต่เล็กจนโต พูดกับตัวเองในกระจกว่าเราทำได้ ในเมื่อไม่มีกระจกในใจก็คิดว่า ทำได้แน่นอน แล้วสุดท้ายผลออกมาก็ทำได้ค่ะ (เดี๋ยวครั้งหน้าแซมมี่จะมาแชร์เทคนิคลดความเต้นตื่นและความกลัวในการเป็นพิธีกร การพูดต่อหน้าสามาธารณชน)

2.  การฝึกฝน  หลังจากเรามีความเชื่อมั่นและว่าเราสามารถทำได้ สิ่งที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาได้ดีที่สุดคือการฝึกฝน  เหมือนกับคำพังเพยที่บอกว่าการฝึกฝน จะทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบ (Practice Makes Perfect)   หลายคนอาจจะเกิดมา Perfect ไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากแล้วก็ทำมันออกมาได้ดี  แต่สำหรับแซมมี่ ไม่เคยเป็นอย่างนั้นเลยค่ะ  (ไม่แน่ใจว่าเราอาจจะเป็นคนที่เพอร์เฟคชั่นนิส หรือเปล่า?)   ขออนุญาตแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะคะ 2. 1ส่วนแรกคือการฝึกฝน ฝึกทักษะเราเองผ่านการเข้าเรียน ขอที่เกี่ยวข้องกับการพูดต่อสาธารณะชน เช่น การใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง   การเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบบัตรผู้ประกาศฯ เป็นต้น 2.2 ส่วนที่ 2 คือการฝึกฝนก่อนงานจริง จริงๆแล้ว แซมมี่สามารถต้นสดและแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในงานแต่ละงานลูกค้าต้องการความเพอร์เฟค  และเขาเสียเงินจ้างเรามาให้งานของเขา Perfect  ดังนั้น แซมมี่จึงต้องการทำหน้าที่ของตัวเองให้ Perfect สมกับ วางใจให้เราทำงานนี้กับเขาค่ะ   ดังนั้น  เมื่อได้สคริปมาล่วงหน้าแล้วแซมมี่จะทำการศึกษาสคริป และรายละเอียดเกี่ยวกับงาน คนร่วมงาน อย่างละเอียดเพื่อให้เราสามารถเข้าใจและอธิบายงานที่เรากำลังจะทำได้อย่างคล่องแคล่วประหนึ่งเราเป็นเจ้าของงานเองค่ะ

3. ไม่เลือกงาน เป็นข้อที่อาจารย์แซมมี่ เรียนด้วย  คือคุณพัชรีรักษาวงศ์  คุณจุ๊นาขวัญ  และคุณหนิงศรัยฉัตร  เคยพูดไว้ในคอร์สนึง  การเป็นพิธีกรมืออาชีพภาษาอังกฤษ จัดโดย MCOT คือ  ชั่วโมงบินจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากที่สุด  ไม่ว่างานจะเป็นงานฟรีอะไรก็ตาม  หากมีคนหยิบยื่นโอกาสมาให้แล้วเราไม่ควรปฏิเสธ  หากไม่มีคนหยิบยื่นโอกาสมาให้เราควรไขว่คว้าหาโอกาสนั้นไว้ ซึ่งที่ผ่านมาแซมมี่ก็ได้ลองใช้ปฏิบัติจริง  ทุกงานจะมีเสน่ห์และรายละเอียดรวมไปถึงการ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ทำให้ learning curve  ของการเป็นพิธีกรพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  คิดง่ายๆนะคะ เหมือนกันเก็บแต้มไปเรื่อยๆจนวันนึงเรามีแต้มเยอะสมพอสมควรแล้ว  แต้มเรานี่ล่ะค่ะจะทำให้เราแตกต่างจากพิธีกรทั่วไปที่อ่านตามสคริปต์    แต้มเหล่านี้ล่ะค่ะที่จะสร้างเสน่ห์ สร้างความเป็นเฉพาะตัว ที่ทำให้เราต่างจาก พิธีกรคนอื่นๆได้ค่ะ

 สำหรับ ครั้งหน้า แซมมี่ จะมาแชร์เทคนิคลดความกลัวและความตื่นเต้นในการพูดต่อหน้าสาธารณชนค่ะ  สำหรับท่านใดที่อยาก ดูว่า การพูดต่อหน้าสาธารณะชน มีรูปแบบของพิธีกรมืออาชีพนั้น  โดยเฉพาะพิธีกร 2 ภาษา ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย มีลักษณะอย่างไรบ้าง  ลองดู คลิปงานต่างๆที่ซันนี่เคยทำมาผ่านทาง https://www.mcsammy.com/videos  แล้วบอกมานะคะว่าคิดเห็นว่าอย่างไรบ้าง  ชอบไม่ชอบตรงไหน  อยากให้พัฒนาส่วนใดบ้าง แซมมี่พร้อมน้อมรับไปปรับปรุงค่ะ  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

1 view0 comments

Recent Posts

See All
bottom of page